24 มี.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ว่า สมาคมนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ,คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภาฯ 35 และสถาบันสังคมประชาธิปไตย ได้จัดงานเสวนาเรื่อง "แนวทางการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนและการสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง" ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ ปรกติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ.,น.พ.นิรันด์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ,นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล และนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา35

นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า การออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นปัญหาในหลายแง่ทั้งสังคมและวัฒนธรรมทางกฏหมายที่จะก่อผลกระทบตามมามากมาย ผู้จะขอรับการนิรโทษกรรมต้องรับยอมว่าได้ทำอะไรผิดและให้คำมั่นว่าจะไม่ทำผิดอีก เสมือนการปฏิญาณตนเองว่าจะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งอีก โดยมีคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดครอบงำกันได้ มีผู้แทนนักการเมืองฝ่ายละ 3 คนและคนอื่นๆ รวม 9 คน เพื่อพิจารณาการขอรับการนิรโทษกรรมของบุคคลต่างๆ

ทั้งนี้ส่วนตัวมีข้อเสนอนิรโทษกรรม 3 ทางเลือกคือ 1.แบบไม่มีข้อจำกัด แต่อาจเกิดความขัดแย้งและเข่นฆ่ากันขึ้นมาอีก แล้วออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้ 2.การออกนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข จำกัด ไม่เหวี่ยงแห โดยผ่านคณะกรรมการสอบสวน และ3.ดำเนินคดีอย่างเคร่งครัด หาผู้กระทำผิดมาลงโทษ

ด้าน น.พ.นิรันด์ กล่าวว่า แนวทางการนิรโทษกรรมต้องเป็นเรื่องที่สร้างบรรทัดฐานทางการเมือง เพราะที่ผ่านมาการนิรโทษกรรมต่างๆ ไม่ได้แสดงถึงบรรทัดฐานทางการเมือง เพราะไม่ได้มีการยอมรับ เป็นเพียงการยุติธรรมของผู้ชนะเท่านั้น เช่นการออกนิรโทษกรรมให้กับผู้ทำรัฐประหาร หรือการออกนิรโทษกรรมช่วงปี 2535 ซึ่งเป็นวัฒนธรรมแบบไทยที่ไม่ต้องการรื้อฟื้นและให้ลืมๆ กันไป

น.พ.นิรันด์ กล่าวอีกว่า วันนี้ประชาชนทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรมได้ ก็เพราะฝ่ายการเมืองตกลงผลประโยชน์กันได้เท่านั้น ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจมากขึ้น วันนี้ประชาชาตาสว่างขึ้น รับรู้ว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจากทั้งสองสี เป็นเพราะความคิดและอุดมการณ์ทางการเมือง เกิดการเข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ การใช้อำนาจทางทหารเพื่อรักษาอำนาจแบบเก่าไว้ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง จึงเกิดความรุนแรงขึ้น

น.พ.นิรันดร์ กล่าวด้วยว่า คนไทยควรได้รู้ว่าชุดดำเป็นใคร วัดปทุมวนารามเกิดอะไรขึ้น ใครอยู่เบื้องหลัง ใครใช้อำนาจไม่ชอบ เราต้องทำความจริงให้ปรากฏ และนำคนผิดมาลงโทษ สังคมไทยทำผิดซ้ำซาก ปล่อยคนผิดลอยนวล จะเกิดการฆ่ากันกลางถนนอีก ถ้าจะให้อภัยก็ต้องให้อภัยโดยสังคมไม่ใช่นักการเมืองให้อภัยกันเอง และการเยียวยาฟื้นฟูต้องเกิดขึ้นในรูปแบบอื่นๆ ด้วย ที่ไม่ใช่การจ่ายเงิน7.5 ล้านบาทเท่านั้น แต่พวกเขาต้องการรู้ว่าใครทำให้ญาติเขาตาย

ขณะที่ นายโคทม กล่าวว่า เหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าเราคิดว่าไม่เอาการรัฐประหาร ไม่เอาระบบรัฐสภาที่ไม่เอาไหน ไม่เอากระบวนการตุลาการภิวัตน์ ถ้าเราสรุปบทเรียนเรื่องเหล่านี้ได้ สังคมก็สามารถเดินหน้าได้ ที่ผ่านมาเราเผชิญกับกระบวนการยุตธรรมเชิงลงโทษ เพราะถือว่ารัฐเป็นผู้เสียหาย วิธีการออกกฎหมายต้องคำนึงถึงเหยื่อ เพราะวันนี้ไม่มีใครยอมรับว่าทำผิดหรือกล่าวคำว่าขอโทษ การออกกฎหมายนิรโทษกรรมสามารถดำเนินการได้หลายรูปแบบ มีขั้นตอนค่อยๆดำเนินการ ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมในไทยต้องไม่เอาชนะคะคานกัน ซึ่งความรู้สึกแบบนี้ยังไม่เกิดขึ้นในสังคมไทยนับแต่การชุมนุมทางการเมืองปี 2548

ส่วน นายอดุลย์ กล่าวว่า อยากนำเสนอต่อสังคมสาธารณะด้วยการออกเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเริ่มต้นจากผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯก่อน มีคน 4 กลุ่ม ที่จะไม่ได้อานิสงส์จากกฎหมายนี้ เพราะทุกฝ่ายมีความเห็นว่า ควรเอาคนเกี่ยวข้องมาขึ้นศาลว่าเกิดอะไรขึ้น คือ 1. จำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 90 คน 2. นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เวชชาชีวะ 3. แกนนำเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ 4ผู้นำเหล่าทัพและฝ่ายค้านในขณะนั้น

 
Real Time Economic Calendar provided by Investing.com.
Top