สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 10 เมษายน 2558 06:21:30 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ หลังจากมีรายงานว่า กรีซสามารถชำระคืนเงินกู้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,958.73 จุด เพิ่มขึ้น 56.22 จุด หรือ +0.31% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,974.56 จุด เพิ่มขึ้น 23.74 จุด หรือ +0.48% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,091.18 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด หรือ +0.45%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า กรีซได้ชำระคืนเงินกู้ให้กับ IMF มูลค่า 458 ล้านยูโร หรือ 492 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวานนี้ ด้วยความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยที่ประชุมคณะทำงานของยูโรกรุ๊ปซึ่งมีขึ้นเมื่อวันพุธและวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานั้น ได้ทำการตรวจสอบแผนการปฏิรูปของกรีซ เพื่อปูทางสู่การทำข้อตกลงในที่ประชุมยูโรโซนครั้งหน้าซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 24 เม.ย.นี้
ด้านเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า กรีซได้เรียกร้องให้ยูโรโซนปล่อยเงินกู้งวดใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลาย แต่กลุ่มประเทศยูโรโซนยืนกรานว่ากรีซจะต้องยื่นแผนปฏิรูปที่น่าเชื่อถือภายใน 6 วันทำการเพื่อให้รมว.คลังยูโรโซนอนุมัติเงินช่วยเหลือก้อนใหม่
ทั้งนี้ กรีซได้เรียกร้องความช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่ในที่ประชุมรมช.คลังยูโรโซนครั้งล่าสุดที่กรุงบรัสเซลส์ แต่กลุ่มประเทศเจ้าหนี้ยืนยันว่ากรีซจะต้องมีความคืบหน้าในการจัดทำแผนปฏิรูปก่อน เพื่อให้ฐานะการคลังมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก แต่ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 4 เม.ย. เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 281,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะอยู่ที่ระดับ 280,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน และหุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.2%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง โดยหุ้นคอสท์โค โฮลเซล ร่วงลง 2.1% หุ้นเมซี ดิ่งลง 2.6% และหุ้นโฮม ดีโปท์ ปรับลง 0.9%
ส่วนหุ้นอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 3.37% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิในไตรมาสแรกของปี 2558 อยู่ที่ 195 ล้านดอลลาร์ หรือ 14 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอยู่ที่ 26 เซนต์ต่อหุ้น นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า ผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสแรกปีนี้ของอัลโค อาจจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และราคาน้ำมันที่ร่วงลง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค. และดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนมี.ค.
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยหนุนมุมมองเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐภายในปีนี้
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0640 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0799 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4695 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4885 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.68 เยน เทียบกับระดับ 119.99 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9787 ฟรังก์ จาก 0.9648 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7688 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7704 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับข้อมูลแรงงานของสหรัฐ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 4 เม.ย. เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 281,000 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ลดลง 3,000 ราย อยู่ที่ระดับ 282,250 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2543
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่าแม้รายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 17-18 มี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เฟดมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. แต่ก็ยังคงมีการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐ
อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ หลังจากมีรายงานว่า กรีซสามารถชำระคืนเงินกู้ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,958.73 จุด เพิ่มขึ้น 56.22 จุด หรือ +0.31% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,974.56 จุด เพิ่มขึ้น 23.74 จุด หรือ +0.48% ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,091.18 จุด เพิ่มขึ้น 9.28 จุด หรือ +0.45%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นขานรับข่าวที่ว่า กรีซได้ชำระคืนเงินกู้ให้กับ IMF มูลค่า 458 ล้านยูโร หรือ 492 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวานนี้ ด้วยความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยที่ประชุมคณะทำงานของยูโรกรุ๊ปซึ่งมีขึ้นเมื่อวันพุธและวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานั้น ได้ทำการตรวจสอบแผนการปฏิรูปของกรีซ เพื่อปูทางสู่การทำข้อตกลงในที่ประชุมยูโรโซนครั้งหน้าซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 24 เม.ย.นี้
ด้านเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า กรีซได้เรียกร้องให้ยูโรโซนปล่อยเงินกู้งวดใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลาย แต่กลุ่มประเทศยูโรโซนยืนกรานว่ากรีซจะต้องยื่นแผนปฏิรูปที่น่าเชื่อถือภายใน 6 วันทำการเพื่อให้รมว.คลังยูโรโซนอนุมัติเงินช่วยเหลือก้อนใหม่
ทั้งนี้ กรีซได้เรียกร้องความช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่ในที่ประชุมรมช.คลังยูโรโซนครั้งล่าสุดที่กรุงบรัสเซลส์ แต่กลุ่มประเทศเจ้าหนี้ยืนยันว่ากรีซจะต้องมีความคืบหน้าในการจัดทำแผนปฏิรูปก่อน เพื่อให้ฐานะการคลังมีเสถียรภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก แต่ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 4 เม.ย. เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 281,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะอยู่ที่ระดับ 280,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน และหุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.2%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง โดยหุ้นคอสท์โค โฮลเซล ร่วงลง 2.1% หุ้นเมซี ดิ่งลง 2.6% และหุ้นโฮม ดีโปท์ ปรับลง 0.9%
ส่วนหุ้นอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ระดับโลก ร่วงลง 3.37% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิในไตรมาสแรกของปี 2558 อยู่ที่ 195 ล้านดอลลาร์ หรือ 14 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอยู่ที่ 26 เซนต์ต่อหุ้น นอกจากนี้ นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า ผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสแรกปีนี้ของอัลโค อาจจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และราคาน้ำมันที่ร่วงลง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค. และดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนมี.ค.
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งช่วยหนุนมุมมองเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐภายในปีนี้
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0640 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0799 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.4695 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4885 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.68 เยน เทียบกับระดับ 119.99 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9787 ฟรังก์ จาก 0.9648 ฟรังก์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7688 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7704 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับข้อมูลแรงงานของสหรัฐ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 4 เม.ย. เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 281,000 ราย ซึ่งใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ลดลง 3,000 ราย อยู่ที่ระดับ 282,250 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2543
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่าแม้รายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำวันที่ 17-18 มี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่เฟดมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. แต่ก็ยังคงมีการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น