
บ้างก็ว่าถูกจับบังคับทำให้เป็นหมัน...บ้างก็ว่าเป็นเพราะถูกฉายแสงรังสี... บางคนคิดไกลไปถึงขั้นบอกว่า เป็นปลาจีเอ็มโอ เข้าไปนั้น...
เป็นเสียงร่ำลือปากต่อปากว่าไปเรื่อยถึงพันธุ์ปลานิล ปลาทับทิม ที่เกษตรกรนำมาเลี้ยงเป็นพันธุ์ที่ไม่สามารถขยายพันธุ์ออกลูกออกหลานได้ เพราะถูกทำให้เป็นหมันด้วยวิธีการสารพัด
ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง...แต่แค่ครึ่งเดียว!!!
ปลานิล-ทับทิมที่เกษตรกรเลี้ยงกัน ถ้าจะจับเพื่อนำไปเลี้ยงต่อ จะไม่สามารถวางไข่ขยายพันธุ์ได้แน่
เพราะล้วนแต่เป็นปลาตัวผู้...หาตัวเมียแทบไม่ได้เลย
ทำไมปลาที่เกษตรกรเลี้ยงถึงมีแต่ตัวผู้ นี่ต่างหากประเด็นที่น่าสนใจใคร่รู้...เหตุผลนั้น ผศ.ดร.เรืองวิชญ์ ยุ้นพันธ์ ภาควิชาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อธิบายว่า เลี้ยงตัวเมียจะขาดทุน ไม่เหมือนเลี้ยงตัว ผู้จะได้กำไรมากกว่า เพราะน้ำหนักจะ ต่างกันครึ่งต่อครึ่งเลี้ยงในคาบเวลาเท่ากัน...ตัวผู้น้ำหนัก 1,000 กรัม ส่วนตัวเมียจะมีน้ำหนักแค่ 500-600 กรัมเท่านั้น
เนื่องจากเอาตัวผู้กับตัวเมียมาเลี้ยงรวมกันเมื่ออายุได้ 3-4 เดือน ตัวเมียจะผสมพันธุ์วางไข่ได้ทั้งปี...และเมื่อเจริญวัยเป็นแม่ปลา มันจะดูแลไข่ และลูกปลาวัยอ่อนด้วยการอมไว้ในปาก จน กระทั่งลูกปลาโตและแข็งแรง ทำให้ตัวเมียปากไม่ว่าง เลยกินอาหารได้น้อย ไม่โตเหมือนตัวผู้

ฉะนั้น จะเลี้ยงขายให้มีรายได้สูง เกษตรกรเลยเลี้ยงเฉพาะตัวผู้...แต่โดยธรรมชาติ ปลานิล–ทับทิม ในช่วงแรกเกิด–2 สัปดาห์ จะยัง ไม่มีการแบ่งแยกเพศ...จะแบ่งเพศได้ก็ต่อเมื่อมีสิ่งเร้ามาเหนี่ยวนำเกษตรกรจะให้ลูกปลาที่ออกมาเป็นตัวผู้มาก จะเสริมฮอร์โมนเพศชายหรือเพศผู้ ที่เรียกว่า methyl testosterrone ผสมเข้าไปในอาหารเลี้ยงลูกปลาในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพื่อกระตุ้นให้ลูกปลาเป็นตัวผู้มากเท่านั้นเอง
ไม่ได้มีการฉายแสง ฉีดสาร หรือทำเป็นจีเอ็มโอแต่อย่างใด...มันเป็นหมันเพราะมีแต่ตัวผู้
ปลานิล–ทับทิม ยังไม่กลายพันธุ์ อัพเกรดถึงขั้นเป็นชายรักชาย... ผสมพันธุ์แล้วได้ลูก.
บทความโดย ชาติชาย ศิริพัฒน์
ที่มา: ไทยรัฐ