29 มี.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในกาประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นวันที่สองของการพิจารณารับหลักการ โดยมีนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนฯ คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การจัดสรรเงินกู้เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนั้นยังมีความไม่เหมาะสม ที่ไม่เหมาะสมคือการขนส่งทางน้ำ ที่ถือเป็นการขนส่งที่ถูกที่สุด ถูกกว่าการขนส่งทางรถไฟแต่รัฐบาลจัดสรรให้เพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินทั้งหมด ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเลถึง 2,614 กิโลเมตร และติดชายฝั่งแม่น้ำ 1,750 กิโลเมตร จึงควรได้รับการจัดสรรงบประมาณให้มากกว่านี้
ส่วนในเรื่องของรถไฟนั้น เห็นด้วยว่าเราต้องทุ่มไปที่ระบบราง? โดยเฉพาะระบบรถไฟรางคู่ตามแผนแม่บทที่กำหนดไว้ในรัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งน่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด หากมีงบประมาณมากพอค่อยดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเชื่อว่ามีความสนใจจากประชาชนน้อยกว่า เนื่องจากค่าโดยสารสูงกว่า
“การลงทุนลักษณะโครงการอย่างนี้เราจะดูผลตอบแทนเป็นตัวเงินไม่ได้ ว่ารัฐจะมีเงินเข้ากระเป๋าเท่าไหร่ไม่ได้ เพราะมันขาดทุนทุกสาย ต้องดูผลประโยชน์โดยรวมว่ารัฐบาลได้อะไร และประชาชนได้อะไร แต่รัฐบาลนี้ไม่ได้มีการศึกษาของเก่าเลย บอกว่าต้องทำกรุงเทพฯไปเชียงใหม่เป็นอันดับแรก กรุงเทพฯไปโคราช กรุงเทพฯไปพัทยา กรุงเทพฯไปหัวหิน เป็นการจัดอันดับความสำคัญที่ไม่มีหลักวิชาการมารองรับ เป็นการจัดอันดับความสำคัญโดยพื้นฐานความพอใจของฉันเอง ซึ่งไม่ถูกต้อง”นายสามารถ กล่าวด้วยว่า รถไฟฟ้าความเร็วสูงจะมีผู้โดยสารน้อย ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ 1.ค่าโดยสารจะเท่ากับสายการบินโลว์คอสต์ 2.ประเทศไทยมีพื้นที่กว่า 5 แสนตารางกิโลเมตร มีประชากรแค่ 65-66 ล้านคน ความหนาแน่นประชากรต่ำ นอกจากนี้จะเห็นว่าอัตราค่าก่อสร้างก็เปลี่ยนแปลงไปจากที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเคยศึกษาไว้ ซึ่งเดิมศึกษาไว้เฉลี่ยต่อกิโลเมตรอยู่ที่ระดับ 300 กว้าล้านบาท แต่ปัจจุบันก้าวกระโดดไปตาม ร่าง กม.ฉบับนี้อยู่ที่ 600 กว่าล้านบาท เกือบ 100% ทีเดียว
