.jpg)
งานฉลองครบรอบ 10 ปี สมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย น.ส.วนิดา อังศุพันธุ์ นายกสมาคมฯ ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2556 ว่า อุตสาหกรรมผลิตเมล็ดพันธุ์ของประเทศไทยมีศักยภาพทางเทคโนโลยี เพราะมีความได้เปรียบในเรื่องสภาพพื้นที่ ภูมิอากาศ และเกษตรกรไทยมีทักษะความชำนาญด้านการผลิต สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตเมล็ดพันธุ์ (Seed Hub) ในภาคพื้นเอเชียได้
ในปีที่ผ่านมา สามารถส่งออกเมล็ดพันธุ์คุณภาพไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เป็นจำนวนกว่า 18 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,900 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นปีละ 7-10%โดยตลาดส่งออกสำคัญได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินเดีย
“แม้เมล็ดพันธุ์ของไทยจะมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาด แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีการปรับปรุงพันธุ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ประเทศคู่แข่งมีการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ ที่ให้ผลผลิตสูง ทนต่อผลกระทบจากภาวะโลกร้อน แต่ไทยเรายังไม่มีการปรับตัวอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ของ พ.ร.บ.พันธุ์พืช, พ.ร.บ.กักพืช, พ.ร.บ.คุ้มครองพันธุ์พืช เป็นอุปสรรคสำคัญทำให้จะก้าวตามประเทศอื่น”
นายกสมาคมฯ กล่าวอีกว่า ในสถานการณ์แข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ขณะนี้บริษัทผลิตเมล็ดพันธุ์ราย ใหญ่ๆ ของไทยได้ชะลอการลงทุนในประเทศ หันไปเพิ่มการลงทุนในประเทศอื่นๆ มากขึ้น เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า เพราะประเทศเหล่านี้อนุญาตให้นำพ่อแม่พันธุ์พืชจากต่างประเทศเข้าไปปรับปรุงพันธุ์ได้ แต่กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้
“ไทยอนุญาตให้นำพ่อแม่พันธุ์เข้ามาได้เพื่อการทดสอบและปรับ ปรุงพันธุ์ แต่ต้องผ่านการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืช (Pest Risk Assessment) ซึ่งปัจจุบันมีข้อจำกัดในเรื่องห้องปฏิบัติการและขั้นตอนการทดสอบที่ล่าช้าซ้ำซ้อน นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดอีกว่า เมื่อนำเข้ามาแล้วจะต้องทำลายทิ้งภายหลังการวิจัยและทดสอบเสร็จเรียบร้อย ไม่อนุญาตให้นำไปขยายผลสู่การวิจัยเชิงพาณิชย์ได้ เลยเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาคเอกชนขาดแรงจูงใจในการวิจัยและปรับปรุงพันธุ์ใหม่ หันไปลงทุนในประเทศอื่นที่อนุญาตให้นำผลการวิจัยไปต่อยอดสู่การพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้ ทำให้ประเทศไทย รวมทั้งเกษตรกรไทยสูญเสียโอกาสและรายได้ไปอย่างน่าเสียดาย”
ดังนั้น ทางสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทยจึงเตรียมเสนอกระทรวงเกษตรฯ พิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าวต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการที่เปลี่ยนไป.