ThaiPR.net -- พุธที่ 22 มิถุนายน 2554 09:47:20 น.
กรุงเทพฯ--22 มิ.ย.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส
- ทองฟื้นต่อหลังตลาดเริ่มคลายกังวลหนี้กรีซ
- คืนนี้คาดเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อ
- ทองยังไปต่อแต่เริ่มใกล้แนวต้าน/โลหะเงินรอรับช่วงปรับฐาน
แนวโน้มการเคลื่อนไหว:
การแข็งค่าของเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ส่งผลบวกต่อราคาทองและโลหะเงินในการซื้อขายเมื่อวานนี้ตลอดทั้งการซื้อขายช่วงกลางวันและช่วงค่ำ โดยตลาดให้ความสนใจไปที่เรื่องการลงมติไว้วางใจคณะรัฐมนตรีของกรีซ ซึ่งในท้ายที่สุดหลังจากมีการปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดปัจจุบัน สภาได้มีมติไว้วางใจให้รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้ต่อไป ตลาดจึงเริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับการเสนอแผนการปรับลดรายจ่ายของรัฐบาลกรีซเพื่อเสนอต่ออียูและไอเอ็มเอฟเพื่อขอรับเงินกู้ฉุกเฉินว่าน่าจะมีความเป็นไปได้มากขึ้น ส่วนการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในวันนี้ ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยจากปัจจุบัน แต่ตลาดยังรอติดตามแถลงการณ์หลังการประชุมจบลง หากเฟดมีมุมมองที่แสดงให้เห็นถึงความกังวลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ตลาดคงจะตีความว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยืนในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งซึ่งจะกดดันให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองและโลหะเงินให้ฟื้นตัวขึ้นได้ต่อไป อย่างไรก็ตามคาดว่าตลาดคงประเมินว่าแถลงการณ์ของเฟดคงออกมาในลักษณะนี้อยู่แล้ว ผลต่อราคาทองและโลหะเงินอาจมีไม่มาก หรือหากดีดตัวขึ้นก็น่าจะมีแรงขายทำกำไรกลับออกมา จนราคาแกว่งตัวขึ้นได้ในกรอบจำกัด โดยภาพเทคนิคของราคาทองซึ่งขยับเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,550-1,553 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ เช่นเดียวกับโลหะเงินที่ผ่านแนวต้านระยะสั้นบริเวณ 36 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ และเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 36.60 และ 36.80 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ อาจมีแรงขายทำกำไรกลับออกมาในช่วงที่ราคาฟื้นตัวเข้าใกล้แนวต้านดังกล่าว และอาจมีการปรับฐานเกิดขึ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 มิถุนายน 2554 06:57:22 น.
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อความปลอดภัย ก่อนที่รัฐสภากรีซจะลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) ในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดพุ่ง 4.4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% แตะที่ 1,546.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,539.30-1,549.00 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 30.8 เซนต์ ปิดที่ 36.379 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 1.5 เซนต์ ปิดที่ 4.0885 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 16.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,747.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 19.05 ดอลลาร์ ปิดที่ 767.25 ดอลลาร์/ออนซ์
ไมค์ ดาล นักวิเคราะห์ด้านทองคำจากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า ตลาดทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้ออันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในประเทศยูโรโซน รวมทั้งสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ของกรีซ
"นักลงทุนยังคงติดตามดูผลการประชุมของคณะกรรมการเอฟโอเอ็มซี รวมทั้งผลการลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ของกรีซ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่ากรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือครั้งใหม่จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) หรือไม่" นายปาปันเดรอูกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างความคิดเห็นของดาลีว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ค่อนข้างมั่นใจว่า ผลการลงมติของรัฐสภากรีซจะออกมาเป็นบวก และคาดว่าคณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ 0-0.25% ในการประชุมคืนนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 22 มิถุนายน 2554 06:36:52 น.
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 มิ.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่ารัฐสภากรีซจะลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู ซึ่งจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) ในคืนวันพุธตามเวลาประเทศไทย และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 109.63 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 12190.01 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 17.16 จุด หีอ 13.4% ปิดที่ 1295.52 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 57.60 จุด หรือ 2.19% ปิดที่ 2687.26 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.6 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 6 ต่อ 1
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นตั้งแต่เปิดทำการซื้อขาย และสามารถรั้งแรงบวกเอาไว้ได้จนสามารถปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด โดยหุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุด อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า รัฐสภากรีซจะลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีปาปันเดรอู โดยผลการลงมติจะมีขึ้นในเวลา 05.00 น.ตามเวลาประเทศไทยในวันพุธที่ 22 มิ.ย.
ทั้งนี้ หากรัฐสภากรีซลงมติรับรองรัฐบาลชุดใหม่ ก็จะปูทางให้รัฐบาลกรีซสามารถบังคับใช้มาตรการเข้มงวดด้านการคลังเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดการรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่จากสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งอาจจะช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มวัสดุดีดตัวขึ้นเช่นกัน ซึ่งมีส่วนช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้น โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่อลูมิเนียมปิดพุ่ง 3% ทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในบรรดาหุ้น 30 ตัวที่คำนวณในดัชนีดาวโจนส์ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับฐานขึ้นอันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากภาคเอกชนได้มากขึ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนมากขึ้นเมื่อนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทส่วนใหญ่จะยังคงแข็งแกร่ง แม้สหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอก็ตาม รวมถึงข้อมูลด้านการผลิตและด้านแรงงาน
ผลการสำรวจของนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทซึ่งจัดทำโดยบริษัทแฟคเซทระบุว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนี S&P 500 จะพุ่งขึ้นอีก 14% ในช่วงไตรมาส 2
หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเรือสำราญปิดบวก 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นเบสท์ บาย ปิดพุ่ง 2.6% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล 7%
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ร่วงลง 3.8% จากเดือนเม.ย. สู่ระดับ 4.81 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.80 ล้านยูนิตต่อปี
นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% และคาดว่าเฟดจะยังไม่ประกาศใช้มาตรการคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หลังจากที่มาตรการ QE2 หมดอายุลงในสิ้นเดือนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ สำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐจะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันปรจำสัปดาห์ วันพฤหัสบดี เฟดสาขาชิคาโกจะเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนพ.ค., กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาสแรกปีนี้ และจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น